5 ปัญหายอดฮิตของ Basket Strainer รู้ทัน ป้องกันก่อน ยืดอายุการใช้งานระบบ
5 ปัญหายอดฮิตของ Basket Strainer รู้ทัน ป้องกันก่อน ยืดอายุการใช้งานระบบ
ในระบบท่ออุตสาหกรรม basket strainerเป็นอุปกรณ์กรองที่ใช้ดักจับสิ่งปนเปื้อน เช่น ตะกอน เศษวัสดุ หรืออนุภาคแข็ง ก่อนเข้าสู่ปั๊ม วาล์ว หรือเครื่องจักร ซึ่งช่วยป้องกันความเสียหาย ลดการหยุดระบบโดยไม่จำเป็น และทำให้กระบวนการผลิตดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นอุปกรณ์ที่มีความทนทานสูง ก็ยังมีโอกาสเกิดปัญหาได้หากไม่ได้เลือกใช้อย่างเหมาะสมหรือขาดการดูแลรักษาที่ถูกวิธี บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 5 ปัญหาหลักที่พบได้บ่อย พร้อมแนวทางแก้ไขและการป้องกัน โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ตรงของ Surasak Engineering ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและติดตั้ง strainer ให้กับหลากหลายอุตสาหกรรม
5 ปัญหาที่พบบ่อยจาก Basket Strainer พร้อมวิธีป้องกันและแก้ไข
1. การอุดตันของตะแกรงเร็วกว่าปกติ
- สาเหตุของการอุดตัน: การอุดตันเกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งปนเปื้อนในของเหลว เช่น ตะกอนจากน้ำดิบ เศษโลหะจากกระบวนการผลิต หรือสนิมจากท่อเก่า สะสมบนตะแกรงมากเกินไป สาเหตุสำคัญคือการเลือก mesh size (ขนาดช่องกรอง) ที่เล็กเกินความจำเป็น ทำให้ดักจับอนุภาคได้เร็วแต่เต็มช่องกรองไว หรือระบบมีสิ่งปนเปื้อนปริมาณสูงกว่าที่ออกแบบไว้
- วิธีแก้ไขและป้องกัน: เลือก mesh size (ขนาดช่องกรอง) ให้เหมาะกับลักษณะของสิ่งปนเปื้อน และใช้การตรวจสอบสภาพตะแกรงอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่ามีการอุดตันบ่อย ควรพิจารณาใช้ระบบ Duplex Basket Strainer (รุ่นตะกร้าคู่ที่สลับใช้งานได้) เพื่อสามารถสลับการใช้งานขณะทำความสะอาดได้ ลด downtime (เวลาหยุดระบบ) และรักษาการไหลของของเหลวให้คงที่
2. Pressure Drop สูงเกินไป
- ผลกระทบต่อระบบท่อและปั๊ม: Pressure drop หมายถึงความต่างของแรงดันก่อนและหลังผ่านตะแกรง หากสูงเกินไปจะทำให้ปั๊มต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้กินพลังงานมากขึ้น และเสี่ยงต่อการสึกหรอของซีล และแบริ่ง ในปั๊มเร็วขึ้น นอกจากนี้การไหลของของเหลวที่ไม่สม่ำเสมออาจส่งผลต่อคุณภาพการผลิตได้
- วิธีปรับปรุงการไหลของของเหลว: ตรวจสอบว่าขนาดของ basket strainer เหมาะสมกับอัตราการไหล (flow rate) หรือไม่ หากใช้งานในระบบที่มีการไหลสูง ควรเลือกตะแกรงที่มีพื้นที่ผิวกรองมากขึ้นเพื่อลดแรงต้าน และติดตั้งเกจวัดความดัน (pressure gauge) ก่อนและหลัง strainer เพื่อตรวจจับปัญหาได้ทันท่วงที
3. การกัดกร่อนของวัสดุ
- สาเหตุที่ทำให้ตะแกรงเสียหาย: การกัดกร่อน มักเกิดจากการสัมผัสกับของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น น้ำทะเล น้ำเกลือ หรือสารเคมีเข้มข้น ซึ่งทำปฏิกิริยากับวัสดุของตะแกรงและ housing (ตัวเรือน) ทำให้โครงสร้างอ่อนตัวและเกิดรูรั่ว
- การเลือกวัสดุที่เหมาะกับของเหลวและสภาพแวดล้อม: ควรเลือกใช้วัสดุอย่าง Stainless Steel 316 หรือ Duplex Stainless Steel ซึ่งทนต่อคลอไรด์และสารเคมีได้ดีกว่า Carbon steel และในบางกรณีอาจเสริมด้วยการเคลือบผิว เพื่อยืดอายุการใช้งาน
4. ตะแกรงเสียรูปหรือแตกหัก
- ผลจากแรงดันและแรงกระแทก: แรงดันเกินค่ามาตรฐาน (over pressure) หรือการไหลที่พาอนุภาคแข็งขนาดใหญ่พุ่งกระแทกตะแกรง สามารถทำให้เกิดการเสียรูป หรือแตกหัก ส่งผลให้สิ่งปนเปื้อนหลุดรอดเข้าสู่ระบบ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่ออุปกรณ์ที่อยู่ต่อจาก strainer ในระบบ
- วิธีตรวจสอบและซ่อมบำรุง: ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมแรงดัน (pressure control device) และวาล์วป้องกันการกระแทก (shock absorbing valve) ตรวจสอบสภาพตะแกรงอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงแรงดันอย่างรวดเร็ว หากพบความเสียหายควรเปลี่ยนทันที
5. การติดตั้งไม่ถูกตำแหน่ง
- ผลเสียจากการติดตั้งผิดจุด: การติดตั้งในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม เช่น หลังปั๊ม หรือในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก อาจทำให้การบำรุงรักษาลำบาก และไม่สามารถป้องกันอุปกรณ์ได้อย่างเต็มที่
- ตำแหน่งติดตั้งที่แนะนำ: ควรติดตั้งก่อนปั๊ม วาล์วควบคุม หรืออุปกรณ์สำคัญอื่น ๆ เพื่อดักจับสิ่งปนเปื้อนตั้งแต่ต้นทาง และเลือกตำแหน่งที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการถอดตะแกรงออกมาล้างหรือเปลี่ยนได้สะดวก ลดเวลาการหยุดระบบและเพิ่มความปลอดภัย
สรุป
จากปัญหาทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าการเลือกและใช้งาน basket strainer ไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่การติดตั้งเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงการเลือกขนาดตะแกรง (mesh size) ให้เหมาะสม การออกแบบระบบให้สอดคล้องกับอัตราการไหลของของเหลว การเลือกวัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อน รวมถึงการควบคุมแรงดันและตำแหน่งติดตั้งอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการเสียรูปหรือแตกหัก และที่สำคัญที่สุดคือการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อดูแลครบทุกด้าน คุณจะสามารถลดปัญหาการอุดตัน ความดันตกคร่อมสูง และการเสื่อมสภาพของวัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระบบทำงานต่อเนื่อง ลด downtime และประหยัดต้นทุนการซ่อมบำรุงในระยะยาว
Surasak Engineering พร้อมให้คำปรึกษาเชิงเทคนิคเพื่อช่วยลูกค้าเลือก strainer ที่เหมาะกับลักษณะงาน วัสดุ และสภาพแวดล้อมการใช้งาน รวมถึงให้บริการออกแบบ ติดตั้ง และดูแลรักษาแบบครบวงจร เพื่อให้มั่นใจว่าระบบของคุณจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่าตลอดอายุการใช้งาน